Saturday, November 9, 2024

ตลาดรวม





 



W.D. Gann
หรือ William Delbert Gann (1878-1955) นักลงทุนชาวอเมริกัน มีชื่อเสียงจากการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการเทรด หุ้น,สินค้าโภคภัณฑ์สามารถใช้กับอีกหลายอย่าง เขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกวิธีการเทรดที่ใช้เลขและเรขา ประวัติของเขาน่าสนใจเพราะเขามีแนวคิดเกี่ยวกับตลาดที่แตกต่างและน่าสนใจ นี้คือข้อมูลเกี่ยวกับ Gann:

ประวัติ

  • เกิด: 6 มิถุนายน ค.ศ. 1878 ในครอบครัวชาวไร่ฝ้ายในเมือง Lufkin รัฐเท็กซัส
  • การศึกษา: เนื่องจากฐานะครอบครัว จึงไม่ได้เรียนสูงและทำงานตั้งแต่เด็ก
  • เข้าสู่ตลาดการเงิน: Gann เริ่มสนใจการลงทุนและตลาดหุ้นตั้งแต่อายุ 24 ปี โดยย้ายไปนิวยอร์กและเริ่มทำงานในวอลล์สตรีท

แนวคิดและวิธีการวิเคราะห์

  1. การวิเคราะห์โดย เลขคณิต และ เรขาคณิต:

    • Gann Angles: หนึ่งในวิธีการที่โด่งดังที่สุดของเขาคือ "Gann Angles" ซึ่งใช้การวาดเส้นทแยงมุมในกราฟราคา เส้นเหล่านี้ช่วยระบุแนวรับและแนวต้านในอนาคต โดยใช้มุม 45 องศาเป็นมุมหลัก
    • Gann Square of Nine: ตารางที่ใช้เพื่อคำนวณแนวรับแนวต้านที่สำคัญ โดยใช้เลขลำดับและมุมทางเรขาคณิต
    • Gann Fan: เส้นแนวโน้มที่วาดจากจุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดของราคา โดยเส้นจะมีมุมเฉพาะ (เช่น 1x1, 1x2, 2x1) ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาต่าง ๆ
  2. ทฤษฎีวัฏจักร (Cycle Theory):

    • Gann เชื่อว่าตลาดเคลื่อนไหวตามวัฏจักรซ้ำ ๆ ซึ่งมีพื้นฐานจากวงจรของเวลา เช่น วงจร 30 ปี, วงจร 90 ปี และอื่น ๆ เขาศึกษาการเปลี่ยนแปลงของตลาดโดยใช้หลักการทางโหราศาสตร์ (Astrology) และการคำนวณทางตัวเลข
    • เขาเชื่อว่าเวลาเป็นปัจจัยสำคัญในการเคลื่อนไหวของราคา โดยมีคำพูดที่โด่งดังว่า "เมื่อเวลาและราคาบรรจบกัน นั่นคือเวลาที่ต้องซื้อขาย"
  3. การวิเคราะห์เวลา (Time Analysis):

    • Gann ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เวลามาก เขาใช้เวลาเป็นตัวแปรในการหาจุดกลับตัวของตลาด (Time Cycle) โดยดูจากวันสำคัญ เช่น วันเกิดของตลาด (Anniversary Dates) และการคำนวณวงจรเวลา

ผลงานที่สำคัญ

  • การเทรดที่มีชื่อเสียง: ในปี 1909 เขาสามารถทำกำไรได้ 1,000% ในการเทรดหุ้นระยะเวลา 25 วัน ซึ่งเป็นที่เล่าขานว่าเขาทำนายการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นได้อย่างแม่นยำ

ข้อโต้แย้งและความเชื่อ

  • โหราศาสตร์และตัวเลข: หลายคนเชื่อว่า Gann ใช้หลักการทางโหราศาสตร์ในการวิเคราะห์ตลาด เช่น การคำนวณวงจรดาวและตัวเลข เขาเป็นผู้ใช้วิธีการที่ไม่ค่อยมีใครเข้าใจและเต็มไปด้วยความลึกลับ
  • ข้อโต้แย้ง: แม้จะมีผู้เชื่อว่าหลักการของ Gann สามารถใช้ได้ผลจริง แต่ก็มีหลายคนที่มองว่ามันเป็นเพียงแค่ "โชคดี" 

มรดกและอิทธิพล

  • วิธีการของ Gann ยังคงมีการศึกษาและใช้ในปัจจุบัน โดยมีผู้ติดตามและนักลงทุนที่ใช้ Gann Angles, Gann Fan, และการวิเคราะห์วงจรเวลาของเขา
  • หลักสูตรและโปรแกรมซอฟต์แวร์มากมายได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้วิเคราะห์ตลาดตามหลักการของ Gann

W.D. Gann เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค แม้ว่าแนวคิดของเขาจะมีข้อโต้แย้งและเป็นที่ถกเถียง แต่เขาก็ยังคงได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการเทรดที่มีแนวคิดแตกต่างจากผู้อื่นและสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลในช่วงชีวิตของเขา

หากคุณสนใจที่จะศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดของ Gann อาจต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และฝึกฝน เพราะวิธีการของเขาไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจในครั้งแรก แต่ถ้าสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์ตลาดอย่างดี

1. ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับตลาดหุ้น (Stock Tape Reading)

  • Tape Reading เป็นคำที่ใช้ในการอ่านและวิเคราะห์การซื้อขายหุ้นจาก "Stock Tape" หรือข้อมูลการซื้อขายแบบ Real-time ที่ใช้ในอดีต
  • Gann แนะนำให้นักลงทุนศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ปริมาณการซื้อขาย และพฤติกรรมของตลาด เขาเชื่อว่าการสังเกตการเคลื่อนไหวเหล่านี้อย่างใกล้ชิดจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจความต้องการและความสนใจของนักลงทุนในตลาด
  • การอ่าน Tape ไม่ได้หมายถึงการใช้ข้อมูลย้อนหลังหรือแผนภูมิ แต่เป็นการสังเกตและวิเคราะห์ข้อมูลแบบสดเพื่อตัดสินใจลงทุน

2. จิตวิทยาของนักลงทุน (Market Psychology)

  • Gann ให้ความสำคัญกับจิตวิทยาของนักลงทุนเป็นอย่างมาก เขาเชื่อว่าความกลัวและความโลภเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดเคลื่อนไหว
  • นักลงทุนต้องมีการควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองให้ดี โดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ตลาดมีความผันผวน
  • Gann กล่าวว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นไม่ใช่ผู้ที่มีความรู้มากที่สุด แต่เป็นผู้ที่มีวินัยและสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีที่สุด

3. หลักการซื้อขายที่สำคัญ (Trading Rules)

  • Gann ได้สรุปกฎการซื้อขายหลายข้อที่เขาใช้เอง เช่น
    • ไม่ซื้อหุ้นที่สูงเกินไปหรือขายหุ้นที่ต่ำเกินไป: เขาเน้นให้ซื้อเมื่อราคาหุ้นอยู่ในช่วงที่เป็นธรรม ไม่ใช่ในช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวสุดขีดแล้ว
    • อย่าไล่ตามราคา: นักลงทุนไม่ควรซื้อหุ้นเพียงเพราะราคาขึ้นหรือลงเร็วเกินไป แต่ควรรอจังหวะที่ตลาดมีการปรับตัว
    • ใช้ Stop Loss: การจำกัดการขาดทุนเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการสูญเสียครั้งใหญ่

4. การจัดการเงิน (Money Management)

  • Gann เชื่อว่าการบริหารจัดการเงินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุน โดยแนะนำให้จำกัดการใช้เงินลงทุนต่อการซื้อขายหนึ่งครั้ง และให้มีการกระจายความเสี่ยง
  • นักลงทุนควรมีแผนการซื้อขายที่ชัดเจนและกำหนดจุดเข้าซื้อ จุดขาย และจุดตัดขาดทุนอย่างเป็นระบบ

5. แนวโน้มและวัฏจักรของตลาด (Market Trends and Cycles)

  • Gann เน้นให้ศึกษาและเข้าใจแนวโน้มของตลาดว่ากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง
  • เขาเชื่อว่าการสังเกตแนวโน้มและวัฏจักรของตลาดสามารถช่วยให้นักลงทุนเลือกจุดเข้าซื้อและขายได้ดีขึ้น
  • แนวคิดนี้เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ Gann ใช้ โดยเขาให้ความสำคัญกับ "Time" และ "Price" ที่ต้องสัมพันธ์กันในการคำนวณวัฏจักรการเคลื่อนไหวของราคา

6. วิธีการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของราคา (Price Analysis)

  • ในหนังสือ Gann อธิบายถึงการวิเคราะห์ราคาที่เน้นไปที่การดูรูปแบบการเคลื่อนไหว (Price Pattern) และระดับราคาแนวรับ-แนวต้าน
  • เขาใช้การวิเคราะห์ "Swing" ในการหาแนวโน้มระยะสั้นและระยะยาว และให้คำแนะนำในการเข้าเทรดเมื่อราคาอยู่ใกล้กับระดับแนวรับและแนวต้านสำคัญ

7. บทเรียนจากประสบการณ์ (Lessons from Experience)

  • Gann ได้ถ่ายทอดบทเรียนที่เขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์การเทรดกว่า 20 ปี รวมถึงความผิดพลาดที่ทำให้เขาได้เรียนรู้วิธีการใหม่ๆ
  • เขาแนะนำให้นักลงทุนศึกษาประวัติศาสตร์ของตลาดและเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง

8. เคล็ดลับการลงทุน (Investment Tips)

  • Gann แนะนำว่าไม่ควรเชื่อข่าวลือหรือข้อมูลที่ไม่มีแหล่งที่มาเชื่อถือได้
  • เขาเชื่อในการลงทุนระยะยาว แต่แนะนำให้มีการวิเคราะห์และปรับกลยุทธ์อยู่เสมอเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของตลาด

การเข้าใจการเทรดในตลาดหุ้นอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของจิตวิทยาและการจัดการเงิน เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้แนวคิดของ Gann ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการเข้าใจพฤติกรรมของตลาด

Gann ประสบการณ์ของเขาเป็นแนวทางการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ หลักการส่วนสำคัญยังคงถูกใช้และเป็นที่ยอมรับในปัจจุบันในหมู่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคและนักลงทุนทั่วโลก

1. การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis)

  • การระบุแนวโน้ม: Gann เน้นให้ดูแนวโน้มของตลาดก่อนตัดสินใจซื้อขาย แบ่งแนวโน้มเป็น 3 ประเภทหลัก:
    • แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend): ราคาหุ้นทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) และจุดต่ำสุดใหม่ (Higher Low)
    • แนวโน้มขาลง (Downtrend): ราคาหุ้นทำจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) และจุดสูงสุดใหม่ (Lower High)
    • แนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ (Sideways/Consolidation): ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในช่วงแนวรับและแนวต้าน ไม่ทำจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดใหม่
  • การใช้เส้นแนวโน้ม (Trend Line): วาดเส้นแนวโน้มเพื่อระบุทิศทางของราคา โดยเชื่อมต่อจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (ขาขึ้น) หรือจุดสูงสุดที่ต่ำลง (ขาลง)

ตัวอย่าง:

  • หากเส้นแนวโน้มขาขึ้นถูกทำลาย (ราคาปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นแนวโน้ม) จะเป็นสัญญาณให้พิจารณาขาย
  • หากเส้นแนวโน้มขาลงถูกทำลาย (ราคาปรับตัวขึ้นเหนือเส้นแนวโน้ม) จะเป็นสัญญาณให้พิจารณาซื้อ

2. Swing Chart (กราฟสวิง)

  • Gann ใช้ Swing Chart เพื่อระบุแนวโน้มของตลาดและการเปลี่ยนแปลงของราคา โดยจะเน้นการเปลี่ยนแปลงของ "Swing High" และ "Swing Low"
  • Swing High: จุดสูงสุดที่ราคาหุ้นไม่สามารถทำจุดสูงขึ้นอีกได้ในช่วงเวลานั้น
  • Swing Low: จุดต่ำสุดที่ราคาหุ้นไม่สามารถทำจุดต่ำลงอีกได้ในช่วงเวลานั้น
  • การเคลื่อนไหวระหว่าง Swing High และ Swing Low ใช้เป็นสัญญาณในการเข้าซื้อขาย เช่น:
    • ซื้อเมื่อราคาทะลุ Swing High
    • ขายเมื่อราคาทะลุ Swing Low

ตัวอย่าง:

  • หากราคาหุ้นเคลื่อนไหวในขาขึ้นและมีการปรับฐานลงมาแต่ไม่ต่ำกว่า Swing Low ก่อนหน้า แสดงว่าราคายังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
  • หากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแล้วไม่สามารถทะลุ Swing High ก่อนหน้าได้ แสดงว่าอาจเริ่มเข้าสู่แนวโน้มขาลง

3. Gann Angles

  • Gann Angle เป็นเครื่องมือที่ W.D. Gann ใช้ในการวิเคราะห์ตลาด โดยจะวาดเส้นจากจุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดของราคาในมุมต่าง ๆ เช่น 45 องศา (1x1), 26.25 องศา (2x1) หรือ 63.75 องศา (1x2)
  • มุม 45 องศา (1x1): Gann เชื่อว่าเป็นมุมที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นการเคลื่อนไหวของราคาที่สัมพันธ์กันระหว่างราคาและเวลาแบบเท่ากัน
  • Gann Angle จะช่วยระบุแนวรับและแนวต้านในอนาคต หากราคาทะลุเส้น 1x1 จะบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม

ตัวอย่างการใช้:

  • วาดเส้น 1x1 จากจุดต่ำสุดของราคาและใช้เป็นแนวรับ ถ้าราคาทะลุลงต่ำกว่าเส้น 1x1 อาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นแนวโน้มขาลง
  • วาดเส้น 1x2 หรือ 2x1 เพื่อหาแนวต้านและแนวรับเพิ่มเติม

4. การใช้ Volume (ปริมาณการซื้อขาย)

  • Gann ให้ความสำคัญกับ Volume เป็นพิเศษ โดยถือว่าเป็น "แรงขับเคลื่อน" ของราคา
  • หากราคาปรับตัวขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น แสดงว่าเป็นการยืนยันถึงแนวโน้มขาขึ้น
  • หากราคาปรับตัวลงพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น อาจเป็นสัญญาณการกลับตัวลง

ตัวอย่าง:

  • ในกรณีที่ราคาเริ่มปรับตัวขึ้นแต่ Volume ลดลง อาจบ่งบอกถึงความอ่อนแอของแนวโน้มขาขึ้นและอาจเกิดการกลับตัว
  • เมื่อราคาหุ้นเกิดการปรับตัวลงแต่ Volume ลดลง อาจบ่งบอกว่าการขายเริ่มลดน้อยลงและอาจกลับมาเป็นแนวโน้มขาขึ้น

5. Pivot Points (จุดกลับตัว)

  • Gann ใช้ Pivot Points ในการระบุแนวรับและแนวต้าน โดยหาจุดสูงสุดและต่ำสุดของช่วงเวลาก่อนหน้าเพื่อคำนวณจุด Pivot
  • จุด Pivot เป็นเส้นทางจิตวิทยาที่นักลงทุนมักให้ความสนใจ หากราคาทะลุผ่าน Pivot จะบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวของตลาดในทิศทางนั้น ๆ
  • สูตรการคำนวณ Pivot Point: Pivot Point (P)=High+Low+Close3\text{Pivot Point (P)} = \frac{\text{High} + \text{Low} + \text{Close}}{3}

ตัวอย่าง:

  • ถ้าราคาปรับตัวขึ้นและผ่าน Pivot Point อาจเป็นสัญญาณเข้าซื้อ
  • ถ้าราคาปรับตัวลงและทะลุผ่าน Pivot Point อาจเป็นสัญญาณขาย

สรุปการนำไปใช้:

  1. เริ่มจากการวิเคราะห์แนวโน้มหลักของตลาดโดยใช้ Swing Chart เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของ Swing High และ Swing Low
  2. ใช้ Gann Angles เพื่อวิเคราะห์แนวรับและแนวต้านในอนาคต
  3. ตรวจสอบปริมาณการซื้อขาย (Volume) เพื่อยืนยันแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา
  4. ใช้ Pivot Points ในการหาจุดกลับตัวและวิเคราะห์แนวรับแนวต้านเพิ่มเติม

การนำเทคนิคของ Gann มาใช้ต้องอาศัยการฝึกฝนและการวิเคราะห์ย้อนหลัง เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาและแนวโน้มในระยะยาว การใช้เทคนิคเหล่านี้ร่วมกันจะช่วยให้คุณวิเคราะห์และตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หลักการการลงทุนและวิเคราะห์ทางเทคนิคในมุมมองของ Gann

William D. Gann เป็นที่รู้จักจากแนวทางการวิเคราะห์ตลาดที่ผสมผสานระหว่าง ศาสตร์ทางเทคนิค และ หลักการคณิตศาสตร์ โดยเฉพาะการนำแนวคิดเรื่องวัฏจักรและรูปแบบซ้ำในประวัติศาสตร์มาใช้คาดการณ์แนวโน้มในตลาดหลักทรัพย์ อธิบายถึงแนวคิดเหล่านี้อย่างชัดเจน

1. ทฤษฎีวัฏจักร (Cycles Theory)

Gann เชื่อว่าตลาดการเงินเป็นไปตาม วัฏจักรธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ซึ่งอาจเกิดจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือพฤติกรรมของมนุษย์

  • วัฏจักรเวลา (Time Cycles):
    Gann ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของราคาที่สัมพันธ์กับช่วงเวลา ตัวอย่างเช่น:

    • วัฏจักรระยะสั้น (Short-Term Cycles): มักเกิดในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์หรือเดือน
    • วัฏจักรระยะยาว (Long-Term Cycles): ครอบคลุมระยะเวลาหลายปี
      Gann ระบุว่าสามารถใช้วัฏจักรเหล่านี้เพื่อระบุช่วงเวลา "จุดกลับตัวที่สำคัญ" ในตลาดได้
  • ความสัมพันธ์ระหว่างอดีตและอนาคต:
    Gann ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมของตลาดมักสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ในอดีต เช่น ราคาสินทรัพย์ที่เคยถึงจุดสูงสุดในปีหนึ่ง อาจเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงเวลาที่คล้ายกัน

  • วัฏจักรเลขคณิต:
    Gann ใช้ตัวเลขและรูปทรงเรขาคณิต เช่น วงกลม (360 องศา) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของเวลาและราคา ตัวอย่างเช่น การใช้ตัวเลข 90, 180, 270, และ 360 องศา เพื่อคาดการณ์จุดสูงสุด (Highs) และจุดต่ำสุด (Lows)


2. หลักการเลขคณิตและรูปแบบทางเทคนิค

Gann มีความโดดเด่นในเรื่องการใช้ คณิตศาสตร์ และ รูปแบบทางเรขาคณิต เพื่อสร้างกฎและเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น

  • Gann Angles (มุมของ Gann):
    แนวคิดสำคัญคือการเชื่อมโยงราคากับเวลา โดยสร้างกราฟที่มีมุมต่างๆ เช่น 1x1, 1x2, และ 2x1 เพื่อแสดงถึงอัตราการเคลื่อนไหว (speed of movement) ของตลาด

    • มุม 1x1: บ่งชี้ถึงความสมดุลระหว่างราคาและเวลา
    • มุมที่สูงกว่า 1x1 (เช่น 2x1): แสดงถึงแนวโน้มราคาที่แข็งแกร่งขึ้น
    • มุมที่ต่ำกว่า 1x1 (เช่น 1x2): แสดงถึงแนวโน้มราคาที่อ่อนแอลง
  • กราฟราคาและเวลา (Price-Time Chart):
    Gann เชื่อว่าการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดไม่ได้เป็นแบบสุ่ม แต่ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่าง "ระยะเวลาที่ตลาดใช้" กับ "ระดับราคาที่ตลาดเคลื่อนไหว"


3. การระบุรูปแบบซ้ำ (Recurring Patterns)

  • การวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต:
    Gann มักศึกษาประวัติการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นหรือสินค้าโภคภัณฑ์ในอดีตเป็นเวลาหลายสิบปี เพื่อระบุรูปแบบซ้ำที่อาจบ่งบอกถึงทิศทางในอนาคต
  • พฤติกรรมมนุษย์และตลาด:
    Gann เชื่อว่าพฤติกรรมของนักลงทุนในอดีตมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นซ้ำในสถานการณ์ที่คล้ายกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อการเกิดรูปแบบที่คาดการณ์ได้

4. เครื่องมือและกฎพื้นฐานของ Gann

Gann สร้างเครื่องมือและกฎหลายอย่างเพื่อช่วยนักลงทุนวิเคราะห์ตลาด เช่น:

  • Square of Nine: ตารางที่ใช้ตัวเลขเพื่อช่วยคาดการณ์จุดกลับตัวสำคัญ
  • Hexagon Chart และ Circle Chart: ใช้ในการระบุความสัมพันธ์ของราคาและเวลาในมุมต่างๆ

5. ข้อสรุปและการนำไปใช้

การวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Gann สร้างความเข้าใจว่าตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวแบบสุ่ม แต่มีรูปแบบซ้ำและความสัมพันธ์ระหว่างราคาและเวลา การประยุกต์ใช้หลักการของ Gann ต้องการการศึกษาและการฝึกฝนอย่างจริงจัง เพราะหลักการเหล่านี้มีความซับซ้อนและต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทางตัวเลขและการอ่านกราฟ

ตัวอย่างการใช้ในปัจจุบัน:
เทรดเดอร์ที่สนใจแนวทางของ Gann มักนำหลักการมาปรับใช้กับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น Fibonacci Retracement, Elliott Wave, หรือการวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้าน

การคำนวณวัฏจักรและการใช้เครื่องมือเฉพาะของ Gann เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและมีพื้นฐานจากหลักการทางคณิตศาสตร์และเรขาคณิต เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น นี่คือการขยายรายละเอียดเพิ่มเติม:


1. Gann Angles (มุมของ Gann)

เครื่องมือนี้เป็นกราฟที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคาและเวลา โดยเน้นการวัดอัตราการเคลื่อนไหวของราคาเมื่อเปรียบเทียบกับเวลา

  • หลักการพื้นฐาน:
    เส้นมุม (Angles) แสดงอัตราการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของราคาต่อช่วงเวลา เช่น

    • มุม 1x1: ราคาขยับขึ้น 1 หน่วยทุก 1 ช่วงเวลา (เช่น 1 ดอลลาร์ต่อวัน)
    • มุม 2x1: ราคาขยับขึ้น 2 หน่วยในช่วงเวลาเดียวกัน
    • มุม 1x2: ราคาขยับขึ้นเพียง 1 หน่วยในช่วงเวลา 2 หน่วย
  • การใช้มุมในการวิเคราะห์:

    1. วาดกราฟโดยให้ราคาคงที่ตามแนวนอน และเวลาเป็นแกนตั้ง
    2. สังเกตเส้นมุมที่ตัดกัน เช่น
      • หากราคาเคลื่อนที่ใกล้เส้น 1x1 บ่งชี้ถึงความสมดุล
      • หากราคาเบี่ยงออกจากเส้น 1x1 อย่างมีนัยสำคัญ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม
    3. เส้นมุมสามารถใช้เป็นแนวรับและแนวต้านได้

2. Square of Nine (ตาราง 9 ช่อง)

Square of Nine เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการคาดการณ์ราคาและเวลา โดยมีพื้นฐานมาจากการจัดเรียงตัวเลขในรูปแบบเกลียว (Spiral)

  • วิธีสร้าง Square of Nine:

    • เริ่มต้นด้วยหมายเลข 1 ตรงกลาง
    • หมายเลขถัดไปเรียงตามทิศทางตามเข็มนาฬิกาในลักษณะวงกลม
    • ตัวเลขแต่ละลำดับมีระยะห่างเท่าๆ กัน
  • การใช้ Square of Nine:

    1. การคาดการณ์ราคา:
      คำนวณจุดสำคัญในอนาคตโดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างมุมองศากับตัวเลข เช่น
      • ตัวเลขที่อยู่ตรงกันข้ามกันในตาราง (180 องศา) มักเป็นจุดกลับตัวของราคา
    2. การจับคู่ราคาและเวลา:
      หากจุดสำคัญในตารางสัมพันธ์กับเวลาในอนาคต จุดนั้นอาจเป็นจุดกลับตัว (Reversal Point)
  • ตัวอย่างการคำนวณ:
    หากราคาปัจจุบันอยู่ที่ 50 และเราคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น มองหาตัวเลขถัดไปในตาราง (เช่น 61.8 หรือ 72) เพื่อระบุแนวต้าน


3. Time Cycles (วัฏจักรเวลา)

Gann เชื่อว่าตลาดเคลื่อนที่ตามรอบเวลาซ้ำๆ ซึ่งสามารถใช้คาดการณ์จุดสูงสุดและต่ำสุดได้

  • การคำนวณวัฏจักรเวลา:

    1. ศึกษาประวัติราคาย้อนหลังเพื่อระบุรอบเวลา
    2. ใช้ตัวเลขสำคัญ เช่น
      • วัฏจักร 7 ปี: มักเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงใหญ่
      • วัฏจักร 30 ปี: เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้น
      • วัฏจักร 90 ปี: สำหรับเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์
  • ตัวอย่าง:
    หากพบว่าตลาดมีแนวโน้มกลับตัวทุก 90 วัน เราสามารถคำนวณวันสำคัญในอนาคตโดยนับ 90 วันจากจุดปัจจุบัน


4. Circle of 360 Degrees (วงกลม 360 องศา)

เครื่องมือนี้ใช้หลักการเรขาคณิต โดยถือว่าวงกลมหนึ่งรอบมี 360 องศา ซึ่ง Gann เชื่อว่าสามารถเชื่อมโยงระหว่างราคาและเวลาผ่านองศาได้

  • การคำนวณ:
    ใช้สูตรพื้นฐานในการแปลงราคาหรือเวลาให้สัมพันธ์กับองศา เช่น

    องศา=(ราคา÷จุดอ้างอิง)×360องศา = (\text{ราคา} \div \text{จุดอ้างอิง}) \times 360

    หรือ

    เวลา=(วัน÷จำนวนวันที่กำหนด)×360เวลา = (\text{วัน} \div \text{จำนวนวันที่กำหนด}) \times 360
  • การวิเคราะห์:
    จุดที่สัมพันธ์กับมุมสำคัญ (เช่น 90°, 180°, 270°, 360°) มักเป็นจุดกลับตัวของตลาด


5. Hexagon Chart (ตารางหกเหลี่ยม)

Hexagon Chart คือการจัดเรียงตัวเลขในรูปแบบหกเหลี่ยม โดยใช้เลขคู่ที่สัมพันธ์กับราคาและเวลา

  • การใช้งาน:
    1. กำหนดราคาหรือเวลาเริ่มต้น
    2. สังเกตตัวเลขรอบๆ ที่สัมพันธ์กับจุดเริ่มต้น เช่น
      • หากตัวเลขรอบจุดนั้นเป็นตัวเลข Fibonacci หรือมีความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ อาจเป็นสัญญาณในการลงทุน

6. กฎ 50% Retracement (การย้อนกลับ 50%)

Gann เน้นว่าเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นหรือลดลง มักจะกลับมายังระดับ 50% ของการเคลื่อนไหวเดิม

  • วิธีใช้งาน:
    1. วัดช่วงระหว่างจุดสูงสุด (High) และจุดต่ำสุด (Low)
    2. คำนวณระดับ 50%: จุดกึ่งกลาง=(High + Low)÷2จุดกึ่งกลาง = \text{(High + Low)} \div 2
    3. ใช้ระดับนี้เป็นแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ

การนำไปใช้จริง

เครื่องมือและวัฏจักรของ Gann ต้องอาศัยการฝึกฝนและการทดลองในสถานการณ์จริง เพราะความแม่นยำขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ประวัติราคา ความผันผวนของตลาด และข้อมูลที่ใช้ หากเข้าใจวิธีใช้ สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือสมัยใหม่ เช่น Fibonacci Retracement หรือ Moving Average ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

No comments:

Post a Comment

website traffic

   ประเภทของ Website Traffic Website Traffic แบ่งออกเป็นหลายประเภทตามแหล่งที่มาของผู้เข้าชม: